Love is the great team work รวมพลังรัก ผลักดันสู่ความสำเร็จและเติบโตอย่างยั่งยืน Annual review 2020

Love is the great team work ไทยประกันชีวิต เชื่อว่าความผูกพันกันด้วย “ความรัก” เป็นรากฐานการทำงานร่วมกันที่แข็งแกร่ง เป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ และพร้อมผลักดันให้เราและสังคมไทย เติบโตได้อย่างมั่นคงและเข้มแข็ง

สรุปภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจประกันชีวิต ปี 2563 สรุปภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2563 ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลงร้อยละ 6.1 ต่ำกว่าปี 2562 ที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 ส่งผลทำให้เศรษฐกิจไทยในปีที่ผ่านมามีการเติบโตต่ำสุดในรอบ 22 ปี นับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง (ที่มา: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564) อันมีผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ที่ทำให้หลายประเทศทั่วโลกมีการออกมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการถดถอยของเศรษฐกิจไทยโดยจะเห็นได้จากปัจจัยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ได้แก่ การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน การส่งออกสินค้า แต่อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายเพื่อ การอุปโภคและการลงทุนภาครัฐ ยังคงมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอันเนื่องมาจากมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ ซึ่งนับว่ามีบทบาทสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจของประเทศ ในปี 2563 การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน มีการขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในช่วงตลอดทั้งปี 2563 ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของอัตราการว่างงาน เนื่องจากหลายบริษัทมีการปิดกิจการลง หรือลดพนักงานเพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของบริษัท ทำให้ในภาพรวมครัวเรือนทั่วประเทศมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายต่อเดือนยังคงอยู่ในเกณฑ์สูง เห็นได้จากภาระหนี้สินครัวเรือนที่มีสัดส่วนอยู่ในเกณฑ์สูง ทำสถิติสูงสุดในรอบ 18 ปี ที่ร้อยละ 86.6 ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) (ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย ข้อมูล ณ ไตรมาส 3 ของปี 2563) รวมถึงด้านอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ร้อยละ 0.5 ต่อปี ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2563 และมีการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในอัตราดังกล่าวจนถึงไตรมาส 4 ของปี 2563 (ที่มา: คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)) อีกทั้งในปีที่ผ่านมาภาคการบริการและการท่องเที่ยว ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในภาคส่วนธุรกิจสำคัญที่เป็นปัจจัยของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจไทยมีการชะลอตัว เนื่องจากการลดลงของปริมาณการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ สำหรับการส่งออกสินค้ามีการหดตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องมาจากเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนที่หดตัว เนื่องจากอุปสงค์ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ชะลอตัวกว่าปีที่ผ่านมา ประกอบกับอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้เกิดการชะลอการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในหมวดเครื่องจักร และการลงทุนในสิ่งก่อสร้าง ขณะที่การใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น และมีบทบาทสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเบิกจ่ายเงินกู้บางส่วน ภายใต้พระราชกำหนดวงเงิน 1 ล้านล้านบาทเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 อาทิ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว (‘เราเที่ยวด้วยกัน’) และมาตรการกระตุ้นการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (‘คนละครึ่ง’ ‘เราชนะ’ ‘เรารักกัน’) อีกทั้งยังมีการปรับเพิ่มแผนการลงทุนในรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ อาทิ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การประปาส่วนภูมิภาค และการสื่อสารโทรคมนาคมทั้งในและระหว่างประเทศ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2564 สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2564 มีการคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 - 3.5 (ที่มา: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564) เนื่องจากการคาดการณ์สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19จะควบคุมได้ ตลอดจนการเข้าถึงวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ของคนในประเทศ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค และนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ผนวกด้วยแรงกระตุ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และมาตรการผ่อนคลายต่างๆ ที่ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาเป็นปกติ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยโดยรวมเกิดการฟื้นตัวและขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากมาตรการเยียวยา และลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และมาตรการกระตุ้นการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศของภาครัฐ ผนวกกับการฟื้นและขยายตัวของเศรษฐกิจการค้าทั้งในและต่างประเทศ ที่ส่งผลต่อการปรับตัวดีขึ้นของฐานรายได้ในภาคส่วนเศรษฐกิจสำคัญๆ ที่มีการกระจายตัวมากขึ้น อาทิ รายได้ในภาคการเกษตรที่มีการขยายตัวจากการปรับตัวดีขึ้นของราคาสินค้าเกษตรบางรายการ การปรับตัวดีขึ้นของฐานรายได้ในภาคการจ้างงาน ซึ่งเริ่มกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้น ตลอดจนแนวโน้มการขยายตัวของการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจที่จะมาจากอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ อาทิ รายได้ในภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น จากการดำเนินมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศของภาครัฐ และการดำเนินมาตรการสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทพิเศษ (Special Tourist VISA : STV) ที่ยอมรับการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ประกาศใช้ภายในประเทศไทย ในส่วนของการส่งออกสินค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศอุตสาหกรรมหลัก นอกจากนี้เศรษฐกิจโลกยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากความคืบหน้าในการเข้าถึงวัคซีนที่จะทำให้มีแนวโน้มการผลิตภาคอุตสาหกรรมและอุปสงค์ภายในแต่ละประเทศฟื้นตัวเร็วขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ภาคการผลิต ภาคอุตสาหกรรม และการส่งออกของไทยฟื้นตัวดีขึ้นด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน สอดคล้องกับคาดการณ์การปรับตัวดีขึ้นของการผลิตภาคอุตสาหกรรมประกอบกับอัตราการใช้กำลังการผลิตที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากการส่งออกในช่วงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก อย่างไรก็ดี แม้การควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 จะมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ทุกประเทศทั่วโลกก็ยังคงให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งอาจส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจ โลกมีทิศทางแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะในส่วนของภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก

ดังนั้น ในปี 2564 แนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตต่างมุ่งเน้นในการพัฒนาทั้งในด้านของสินค้า ช่องทางการขยายตลาด รวมถึงระบบการดำเนินงาน และระบบการให้บริการต่างๆ เพื่อให้สามารถเข้าถึง และตอบสนองต่อความต้องการของทุกกลุ่มเป้าหมาย จากพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่ส่วนใหญ่ตระหนักถึงความสำคัญในการเตรียมพร้อมสำหรับการวางแผนชีวิต การกระจายความเสี่ยง การแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะการเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสCOVID-19 ส่งผลให้ในปัจจุบันผู้บริโภคหันมาตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลสุขภาพ และวางแผนทางสุขภาพเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล เนื่องจากด้วยการอุบัติของโรคใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ อีกทั้งแนวโน้มค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นและสถิติการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงเพิ่มขึ้น ดังนั้นธุรกิจประกันชีวิตได้ตระหนักถึงความสำคัญและมุ่งเน้นในการพัฒนาสินค้าที่เน้นการเตรียมความพร้อมสำหรับ ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ธุรกิจประกันชีวิตจึงได้มีการพัฒนาสินค้าประกันสุขภาพ อาทิ ประกันสุขภาพคุ้มครองโรคร้ายแรง ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ประกันสุขภาพเหมาจ่ายวงเงินสูง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่มีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และต้องการเข้าถึงมาตรฐานการรักษาที่มีคุณภาพ ขณะเดียวกันจากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ผู้บริโภคตระหนักและต้องการเตรียมพร้อมสำหรับทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วยการสร้างหลักประกันในชีวิต ดังนั้น เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสร้างหลักประกันชีวิตด้วยความคุ้มครองสูง อาทินักลงทุน เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ หรือเจ้าของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงที่จะช่วยสร้างหลักประกันความมั่นคงให้กับธุรกิจ อีกทั้งเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการวางแผนมรดก เตรียมความพร้อมในการส่งต่อความมั่งคั่งแก่ลูกหลานในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจประกันชีวิตจึงได้มีการพัฒนาสินค้าแบบประกันตลอดชีพเน้นความคุ้มครองสูง อีกทั้งจากสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ผันผวน ส่งผลให้ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันมีการกระจายเงินออมสู่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ ดังนั้น เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวที่ต้องการผลประโยชน์ความคุ้มครองชีวิตควบคู่กับผลประโยชน์ด้านการออม และต้องการเพิ่มโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากการออมที่สูงขึ้น ธุรกิจประกันชีวิตจึงได้มีการพัฒนาสินค้าออมทรัพย์สำหรับรองรับความต้องการของผู้บริโภคออกมาอย่างหลากหลาย อาทิ สินค้าควบการลงทุน (Universal Life & Unit Linked Product) และสินค้าแบบมีส่วนร่วมในเงินปันผล (Participating Product) ตลอดจนเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่เล็งเห็นและตระหนักถึงความสำคัญในการเตรียมความพร้อมสำหรับชีวิตวัยเกษียณด้วยการวางแผนทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ หรือการวางแผนเก็บออมเงินอย่างมีรูปแบบและมีเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับการสร้างความมั่นคงทางรายได้ในวัยเกษียณ ธุรกิจประกันชีวิตจึงได้มีการพัฒนาสินค้าแบบประกันบำนาญ สำหรับการพัฒนาด้านช่องทางการขยายตลาดของธุรกิจในปี 2564 นี้ เนื่องด้วยธุรกิจประกันชีวิตซึ่งเป็นธุรกิจทางการเงิน และการบริการ จึงต้องมีการปรับตัวให้ทันต่อทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และให้สอดคล้องกับพฤติกรรม รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยการขยายตลาดผ่านช่องทางตัวแทนจะยังคงให้ความสำคัญในการพัฒนาความรู้ความสามารถด้านต่างๆ ให้ครอบคลุมรอบด้านมากยิ่งขึ้น ควบคู่กับการเพิ่มความรู้ ความเข้าใจถึงแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงการเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีในการดำเนินงานต่างๆ อาทิ วิธีการขายประกันเฉพาะกิจ Digital Face to Face การขยายตลาด และการให้บริการหลังการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ พร้อมทั้งพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ทั้งในส่วนของความรู้ด้านสินค้าใหม่ ความรู้ด้านการเงิน/การลงทุน และความรู้ด้านสุขภาพ เพื่อนำข้อมูลต่างๆ เหล่านี้เป็นข้อมูลให้กับผู้บริโภค ในขณะเดียวกันการขยายตลาดผ่านช่องทางธนาคารเน้นการขายสินค้าออมทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงสินค้าควบการลงทุน (Universal Life & Unit Linked Product) ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบสนองแนวโน้มการกระจายเงินออมไปสู่เครื่องมือทางการเงินอื่นที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยเป็นการเพิ่มทางเลือกเครื่องมือทางการเงินให้กับกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการที่หลากหลาย รวมถึงเป็นการรักษาฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่ของธนาคารอีกด้วย ทั้งนี้ คาดว่าจากการพัฒนาทางเทคโนโลยี และแพลตฟอร์มออนไลน์จะทำให้ช่องทาง E-Commerce เป็นอีกหนึ่งในช่องทางสำคัญในการขยายตลาดผ่านช่องทางตลาดทางตรง เนื่องจากช่องทางดังกล่าวมีการขยายตลาดผ่านระบบดิจิทัล ด้วยการนำเสนอสินค้าผ่านสื่อสาธารณะตามแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ซึ่งได้กลายเป็นช่องทางสื่อกลางที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่เน้นความสะดวก รวดเร็ว ทันใจ และสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ตลอดเวลา ทำให้สามารถเข้าถึงและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการให้ความสำคัญกับการพัฒนาช่องทาง E-Commerce จึงได้กลายมาเป็นหนึ่งความน่าสนใจสำหรับธุรกิจประกันชีวิตในปี 2564 นี้ และสำหรับการพัฒนาด้านระบบการดำเนินงานและระบบการให้บริการต่างๆ ของธุรกิจในปี 2564 เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงข้อมูล ข่าวสารต่างๆ การซื้อสินค้าและบริการ ตลอดจนการทำธุรกรรมทางการเงิน ที่สามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน ธุรกิจจึงจำเป็นต้องพัฒนาระบบการดำเนินงานและระบบการให้บริการด้วยระบบออนไลน์ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เพื่อมอบความสะดวก รวดเร็วที่มากขึ้นให้แก่ผู้บริโภค อาทิ การเข้าถึงข้อมูลและรายละเอียดกรมธรรม์ประกันชีวิต (E-Policy) การชำระเบี้ยประกันภัย (E-Payment) การเรียกร้องสินไหม (E-Claim) และการเข้าถึงบริการหลังการขายผ่าน (E-Service) อย่างไรก็ดี การนำระบบออนไลน์มาใช้ในการพัฒนาระบบการดำเนินงานอย่างครอบคลุม นอกจากจะมีส่วนช่วยในการลดขั้นตอนและอำนวยความสะดวกในกระบวนการขยายตลาด ตลอดจนบริการหลังการขายแล้ว จะยังมีส่วนช่วยในการเก็บ บันทึก และเชื่อมโยงข้อมูลพฤติกรรม ความต้องการต่างๆ ของผู้เอาประกันภัยเพื่อนำมาพัฒนาสินค้า และระบบการให้บริการที่สามารถตอบสนองทุกความต้องการได้ครอบคลุมมากที่สุดแก่ผู้เอาประกันภัยต่อไป

คณะกรรมการบริษัทฯ ปี 2563 Board of Directors 2020 นายวานิช ไชยวรรณ ประธานกรรมการ Mr. Vanich Chaiyawan Chairman of the Board พลเอกวินัย ภัททิยกุล รองประธานกรรมการ Gen. Winai Phattiyakul Vice Chairman นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล กรรมการอิสระ และประธานคณะกรรมการตรวจสอบ Mr. Thirachai Phuvanatnaranubala Independent Director and Chairman of the Audit Committee นางสาวขวัญวรี ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการอิสระ ประธานคณะกรรมการสรรหา และกำหนดค่าตอบแทน และกรรมการตรวจสอบ Ms. Quanvari Pramoj na Ayudhya Independent Director, Chairman of the Nomination and Remuneration Committee, and Audit Committee Member นายเซ็ง ฮอก โยห์ กรรมการอิสระ กรรมการสรรหา และกำหนดค่าตอบแทน และกรรมการตรวจสอบ Mr.Seng Hock Yeoh Independent Director, Audit Committee Member, and Nomination and Remuneration Committee Member นายคาซึโนริ ยามาอุชิ กรรมการ และกรรมการสรรหา และกำหนดค่าตอบแทน Mr. Kazunori Yamauchi Director and Nomination and Remuneration Committee Member นายอำนาจ วงศ์พินิจวโรดม กรรมการ และกรรมการตรวจสอบ Mr. Amnart Wongpinitwarodom Director and Audit Committee Member นายปริญ มาลากุล ณ อยุธยา กรรมการ Mr. Prin Malakul na Ayudhya Director ดร.อภิรักษ์ ไทพัฒนกุล กรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Apirak Thaipatanagul, PH.D. Director and Chief Executive Officer นายไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ Mr. Chai Chaiyawan President นางวรางค์ ไชยวรรณ กรรมการ และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส Mrs. Varang Chaiyawan Director and First Senior Executive Vice President นายธัญญะ เจริญสุข กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ Mr. Thanya Jarernsuk Director and Secretary to the Board

พ.ญ.ภาวิฉัตต์ ประเสริฐสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการแพทย์ประกันชีวิต Pawichat Prasertsit, M.D Executive Vice President Medical Insurance Department นายโนบุยูกิ มากิโนะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายพันธมิตรสัมพันธ์ Mr. Nobuyuki Makino Executive Vice President Alliance Management Office นายนิติพงษ์ ปรัชญานิมิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Actuary กลุ่มคณิตศาสตร์ประกันภัย กลุ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ สายงานวางแผนธุรกิจและรายงานทางการเงิน Mr. Nitipong Pruchyanimit Executive Vice President and Chief Actuary Corporate Actuarial Group, Product Development Group, Corporate Reporting & Business Planning Department นายทำนุ บุญประกอบ Managing Executive Officer Mr. Thamnu Boonprakob Managing Executive Officer นางศรีสุดา พูลพิพัฒนันท์ Managing Executive Officer Mrs. Srisuda Pulpipatanan Managing Executive Officer นายพิชัย ยอวิทยา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ฝ่ายกิจการตัวแทน) กลุ่มการตลาดโซน 1 Mr. Pichai Yorvitaya Executive Vice President (Agency Force) Agency Force Group (Zone 1) นายยุทธวงศ์ ก้องธนานันต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ฝ่ายกิจการตัวแทน) กลุ่มการตลาดโซน 3 Mr. Yuthawong Kongthananant Executive Vice President (Agency Force) Agency Force Group (Zone 3) นายเสวก เดชจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ฝ่ายกิจการตัวแทน) กลุ่มการตลาดโซน 4 Mr. Sawek Dechjinda Executive Vice President (Agency Force) Agency Force Group (Zone 4)

ฐานะทางการเงิน บริษัทฯ มีเสถียรภาพและมีศักยภาพทางการเงิน โดยปี 2563 มีสินทรัพย์จำนวน 493,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 36,201 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8 และมีเงินสำรองประกันชีวิต 375,013 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 30,423 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9 การลงทุน ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ขยายตัวติดลบร้อยละ 6.1 เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีการขยายตัวร้อยละ 2.3 ถือเป็นการขยายตัวที่ต่ำที่สุดในรอบ 22 ปี นับตั้งแต่เกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง (ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) วันที่ 15 ก.พ. 2564) เนื่องจากในปีก่อนหน้าเศรษฐกิจไทยก็ขยายตัวได้ในระดับต่ำ จากสงครามการค้า การแข็งค่าของเงินบาท และผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ต่อเนื่องมายังปี 2563 ซึ่งมีการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อการหดตัวของภาคการท่องเที่ยว การส่งออก การลงทุน ภาคเอกชน และการอุปโภคบริโภคของภาคประชาชน ที่ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ SET Index ในปี 2563 มีกรอบการเคลื่อนไหวในช่วง 969.08 - 1,604.43 จุด ถือว่ามีความผันผวนอย่างมาก โดยในปี 2562 ปิดตลาดที่ 1,579.64 จุดและเมื่อเปิดตลาดปี 2563 ก็มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องหลังมีการรายงานพบการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างรวดเร็ว และองค์กรอนามัยโลก (WHO) ประกาศว่า COVID-19 เข้าสู่ภาวะแพร่ระบาดไปทั่วโลก ซึ่งในเดือนมีนาคม 2563 ดัชนี SET Index ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 969.08 จุดและเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาในช่วงไตรมาส 2 ที่การแพร่ระบาดของ COVID-19ในประเทศเริ่มลดลง นอกจากนี้ ดัชนีมีการปรับเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4 จากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ คนใหม่ ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2563 ปิดตลาดที่ 1,449.35 จุด ลดลงจากปี 2562 ร้อยละ 8.26 ณ 31 ธันวาคม 2563 บริษัทฯ มีสินทรัพย์ลงทุนทั้งสิ้น 476,083 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 36,130 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8 ทั้งนี้สามารถจำแนกสินทรัพย์ลงทุนตามประเภท ประกอบด้วย ตั๋วสัญญาใช้เงิน/ ตั๋วแลกเงิน 27,403 ล้านบาท ลดลง 1,785 ล้านบาท พันธบัตร 209,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,835 ล้านบาท เงินฝากธนาคารประเภทมีดอกเบี้ยและบัตรเงินฝาก 11,931 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,399 ล้านบาท เงินให้กู้ยืมโดยมีทรัพย์สินจำนองเป็นประกันและเงินกู้พนักงาน 27 ล้านบาท ลดลง 1 ล้านบาท เงินให้กู้ยืมโดยมีกรมธรรม์ประกันภัยเป็นประกัน 26,855 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93 ล้านบาท หุ้นทุน 20,498 ล้านบาท ลดลง 4,692 ล้านบาท หุ้นกู้ 143,683 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,343 ล้านบาท หน่วยลงทุน 32,380 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,486 ล้านบาท เงินลงทุนให้เช่าซื้อรถ 1 ล้านบาท ลดลง 1

เงินจ่ายตามกรมธรรม์ประกันภัย (Claims & Policy Benef it Payment) สินทรัพย์การลงทุน ปี 2563 (Investment Assets as of 2020)

จุดเด่นในรอบปี 2563 รางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีการบริหารงาน ดีเด่น อันดับ 1 ด้วยความมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง บนพื้นฐานความมั่นคงและการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล ควบคู่กับการดูแลเคียงข้างสังคมไทย ส่งผลให้ไทยประกันชีวิตได้รับรางวัล “บริษัทประกันชีวิตที่มีการบริหารงานดีเด่น อันดับ 1” ประจำปี 2562 จากการคัดเลือกของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดยพิจารณาจากการเป็นบริษัทประกันชีวิตที่มีการบริหารงานที่โดดเด่นและมีประสิทธิภาพ ปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีการให้บริการประชาชน รวมถึงการให้ประโยชน์ต่อสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง รางวัลแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 (No.1 Brand Thailand Awards) อีกหนึ่งความภาคภูมิใจจากความเชื่อมั่นและไว้วางใจของผู้บริโภค ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับ รางวัล "No.1 Brand Thailand Awards 2019 - 2020" หมวดธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งนิตยสาร Marketeer ร่วมกับ Kadence International (Thailand), A global boutique research agency จัดขึ้น เพื่อสำรวจและวิจัยแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ในประเทศไทย หรือแบรนด์แห่งผู้นำในหมวดธุรกิจประกันชีวิตที่มีมาตรฐานในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งสะท้อนถึงการเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจคนไทยได้เป็นอย่างดี รับรางวัลด้านความรับผิดชอบต่อสังคม จากปณิธาณความมุ่งมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อเสริมสร้างสังคมไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ทำให้บริษัทฯ ได้รับรางวัล CSR Initiative of the Year 2020 - Thailand  ในการประกวด Insurance Asia Awards 2020 ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นการคัดเลือกผลงานโครงการด้านกิจกรรมเพื่อสังคมขององค์กรที่มีคุณภาพในเอเชีย โดยได้รับรางวัลจากโครงการ “ไทยประกันชีวิต เสริมโอกาส สุขยั่งยืน” ทั้งนี้ไทยประกันชีวิตเป็นบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวที่ได้รับรางวัลดังกล่าว นอกจากนี้โครงการดังกล่าวยังได้รับรางวัล Asia Responsible Enterprise Awards 2020 (AREA 2020) ประเภท Investment in People ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ซึ่งเป็นรางวัลระดับเอเชียที่คัดเลือกผลงานที่มีคุณภาพในเอเชีย และโดดเด่นด้านกิจกรรมเพื่อสังคม จัดโดยสถาบัน Enterprise Asia ประเทศสิงคโปร์ โครงการ “ไทยประกันชีวิต เสริมโอกาส สุขยั่งยืน” เป็นโครงการที่มุ่งส่งเสริม และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนได้นำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ ช่องทางการขาย การสื่อสารทางการตลาด พร้อมให้ความรู้ด้านการบริหารจัดการทางการเงิน เพื่อการวางแผนการออมเงิน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ชุมชนอย่างยั่งยืน

โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินโครงการ Data Driven Customer Experience (DDCX) ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนประสบการณ์ผู้เอาประกันภัยด้วยข้อมูลต่างๆ โดยนำผลลัพธ์ที่ได้จากโครงการ Next Generation Information System (NGIS) มาต่อยอด เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ตัวแทนฯ และผู้มุ่งหวังหรือผู้เอาประกันภัยผ่านการใช้งานศูนย์การให้บริการ Contact Center ต่างๆ ของบริษัทฯ รวมถึงนำข้อมูลเกี่ยวกับผู้มุ่งหวังหรือผู้เอาประกันภัยที่เหมาะสมมาทำการวิเคราะห์หาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตัวแทนฯ และเพิ่มความหลากหลายในการเสนอสินค้าแก่ผู้มุ่งหวังหรือผู้เอาประกันภัยได้ดียิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันการปรับปรุงข้อมูลภายในองค์กรให้มีคุณภาพและปฎิบัติตามข้อบังคับของสำนักงาน คปภ. ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นและต้องจัดทำอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์การมีกลยุทธ์ด้านการใช้ข้อมูล อาทิ - โครงการการปรับปรุงข้อมูลและเทคโนโลยีภายในองค์กรเพื่อรองรับ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Act) ที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือนมิถุนายน 2565 - โครงการการจัดทำธรรมาภิบาลข้อมูลขององค์กร (Enterprise Data Governance) เพื่อกำกับดูแลข้อมูลของผู้เอาประกันภัย ให้มีความถูกต้อง สมบูรณ์ ปลอดภัย และเชื่อถือได้จากกระบวนการ บุคลากรและเทคโนโลยีในองค์กร รวมถึงการปรับปรุงข้อมูลให้สอดคล้องกับการนำข้อมูลขององค์กรไปใช้งานต่อยอดในโครงการต่างๆ ของบริษัทฯ - โครงการการพัฒนาระบบทางด้าน Core Insurance อาทิ การพิจารณา รับประกัน สินไหม และการบริการลูกค้า โดยทางบริษัทฯได้พิจารณาถึงกระบวนงานที่ใช้ร่วมกันในงาน Core Insurance เพื่อใช้ในการปรับปรุงภาพรวมของประสบการณ์ผู้เอาประกันภัยหรือตัวแทนฯ ที่ได้พบในทุกย่างก้าวของผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ และ Pain Point ของผู้ใช้งาน (Policy Holder and Agent Journey) ดังนั้นการนำข้อมูลต่างๆ มาใช้ในองค์กรต้องสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้เอาประกันภัย (Customer Needs) การบริการที่ดียิ่งขึ้น (Better Services) และการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กร (Cost Efficiency) ไปพร้อมๆ กัน

สามารถรักษาชื่อเสียงและภาพลักษณ์ รวมถึงสามารถดำเนินกิจกรรมที่สร้างมูลค่าให้กับบริษัทฯ ได้อย่างมีประสิทธิผล บริษัทฯ ได้จัดทำแผนการบริหารธุรกิจอย่างต่อเนื่องขึ้น และได้รับการทดสอบอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเริ่มใช้งานมาตั้งแต่ปี 2550 พร้อมกันนี้ ได้จัดตั้งคณะทำงานบริหารงานในภาวะภัยพิบัติขึ้น เพื่อกำหนดกรอบนโยบาย รวมถึงระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ โดยวิเคราะห์บริบทองค์กรให้ครอบคลุมการชี้บ่งภัยคุกคามทั้ง 5 ด้าน ประกอบด้วย ด้านสังคม ด้านเทคโนโลยี ด้านเศรษฐกิจ ด้านสภาพแวดล้อม ด้านการเมือง และจัดตั้งสถานที่ปฏิบัติการชั่วคราว ในการเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ภัยพิบัติแต่ละสถานการณ์ ทั้งนี้ เพื่อให้พนักงานได้ตระหนักถึงบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบบริษัทฯ จึงได้มีการทดสอบการจำลองสถานการณ์ภัยคุกคามเป็นประจำทุกปี เพื่อส่งเสริมความเข้าใจต่อระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจนอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีการโปรแกรมการทดสอบการกู้คืนระบบแบบเต็มรูปแบบ เพื่อแน่ใจว่าสามารถให้บริการอย่างต่อเนื่องได้ภายใน 8 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นับเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานไอเอสโอ 22301 เมื่อปี 2557 ทั้งนี้ บริษัทฯ มีนโยบายที่จะดำเนินการตามมาตรฐานของไอเอสโอ และพัฒนาระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการระบุความต้องการในการใช้บริการของผู้เอาประกันภัย เพื่อให้มั่นใจว่าหากเกิดภัยคุกคามใดๆ องค์กรยังสามารถให้บริการด้านต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่องเหมาะสม รวมทั้งยังพัฒนาเครื่องมือต่างๆ ในการจัดทำแผนการบริหารธุรกิจอย่างต่อเนื่องให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจของบริษัทฯ เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงมีการประชุมอย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง และเป็นผู้รับผิดชอบในการกำกับดูแลความเสี่ยงภายในองค์กร โดยคณะกรรมการชุดนี้จะทำการกำหนดนโยบายการบริหารความเสี่ยง และความเสี่ยงที่ยอมรับได้สำหรับระบบงานที่สำคัญ เช่น ผลิตภัณฑ์ประกันภัย การลงทุน ความเสี่ยงจากอัตรามรณะ และการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง และมีการดำเนินการติดตามอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ระบบการบริหารความเสี่ยงขององค์กรดำเนินไปด้วยความราบรื่นโดยจะมีการรายงานผลการบริหารความเสี่ยงไปยังคณะกรรมการบริษัทฯ เป็นรายไตรมาส อีกทั้งยังมีการแต่งตั้งคณะทำงานสำหรับความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น คณะทำงานการประกันภัยต่อ คณะทำงานการบริหารสินทรัพย์และหนี้สิน คณะทำงานบริหารงานในภาวะภัยพิบัติ และคณะทำงานบริหารความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ เพื่อทำหน้าที่ในการประชุมและติดตามการบริหารความเสี่ยงด้านนั้นๆ ให้เกิดประสิทธิผลและเป็นไปอย่างต่อเนื่องในปี 2563 ที่ผ่านมา คณะทำงานบริหารความเสี่ยงด้านการประกันภัยต่อได้มีการทบทวนและเจรจาธุรกิจกับบริษัทรับประกันภัยต่ออย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีการคัดเลือกบริษัทผู้รับประกันภัยต่อที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูง จากบริษัทจัดอันดับเครดิตชั้นนำระดับสากล เพื่อเสริมสร้างกลยุทธ์การแข่งขันและโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งได้มีการร่วมมือกับบริษัทประกันภัยต่อในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในธุรกิจประกันชีวิตในปัจจุบัน

การดำเนินกิจกรรมด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ปี 2563 ยุทธศาสตร์ด้านความรุ่งเรืองเฟื่องฟู (Prosper) : ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมภายใต้ยุทธศาสตร์ด้านความรุ่งเรืองเฟื่องฟู (Prosper) ที่เน้นสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจไปพร้อมกับมีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคมและสภาพแวดล้อม โดยยกระดับการดำเนินงานสู่ความเป็นเลิศด้านความยั่งยืนทั้งมิติเศรษฐกิจ มิติสังคม มิติสิ่งแวดล้อม ไทยประกันชีวิตในฐานะบริษัทประกันชีวิตที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมมาโดยตลอด ยังคงมุ่งเดินหน้ายกระดับการดำเนินงานด้านกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals หรือ SDGs) ใน 6 ด้าน ได้แก่ ด้านขจัดความยากจน ด้านขจัดความหิวโหย ด้านสุขภาวะ ด้านความเท่าเทียมทางเพศ ด้านเศรษฐกิจและการจ้างงาน ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบ ตลอดปี 2563 บริษัทฯ ได้ดำเนินกิจกรรมด้านความรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการชุมชนอย่างยั่งยืน (มิติสังคม) ภายใต้แผนแม่บทด้านความรับผิดชอบต่อสังคม 3 ด้าน ได้แก่ การให้ การดูแล และการเติมเต็มคุณค่าแห่งชีวิต พร้อมมุ่งเน้นสู่การสร้างคุณค่าร่วม (Creating Shared Value หรือ CSV) เพื่อแก้ไขและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคม ควบคู่กับการก่อให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขันในธุรกิจ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นทั้งกับสังคมและบริษัทฯ โดยมุ่งเน้นกิจกรรมที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านความรุ่งเรืองเฟื่องฟู (Prosper) ใน 3 มิติ ได้แก่ การบริหารงานสู่ความเป็นเลิศด้านความยั่งยืน (มิติเศรษฐกิจ) ปี 2562 บริษัทฯ นับเป็นบริษัทประกันชีวิตรายแรกของธุรกิจประกันชีวิตไทย ที่ลงทุนในลักษณะ ESG Investing : Environment, Social and Corporate Governance เป็นการลงทุนในตราสารทุนที่พิจารณาจากปัจจัย 3R ได้แก่ ความเสี่ยง (Risk) ผลตอบแทน (Return) และการคำนึงถึงผลกระทบที่บริษัทฯ มีต่อการพัฒนาสังคมหรือสิ่งแวดล้อม (Real Impact) ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด Sustainable Development Goals ของ UN และด้วยนโยบายการลงทุนดังกล่าวพบว่า ในปี 2563 กองทุนนี้ได้รับผลกระทบน้อยกว่ากองทุนอื่นๆ ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค COVID-19 ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้เพิ่มการลงทุนสุทธิในกองทุนนี้จากจำนวน 100,000,000 บาท เป็นจำนวน 200,0000,000 บาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563  การบริหารจัดการชุมชนอย่างยั่งยืน (มิติสังคม) เพราะบริษัทฯ เชื่อเสมอว่า “หากสังคมอยู่ได้ องค์กรก็อยู่ได้เช่นกัน”จึงมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตคนในสังคมให้เท่าเทียม ผ่านการสร้างคุณค่าร่วมกันระหว่างองค์กรและสังคม (Creating Shared Value หรือ CSV) ด้วยการเข้าไปมีส่วนช่วยสนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็น รวมทั้งความชำนาญของบริษัทฯ ในการขับเคลื่อนเพื่อเปลี่ยนแปลงให้ชุมชนพึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืน พร้อมสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนตนเองและประเทศได้ ผ่านโครงการและกิจกรรมของบริษัทฯ ดังนี้ 1. โครงการพัฒนาทักษะวิสาหกิจชุมชน “ไทยประกันชีวิต เสริมโอกาส สุขยั่งยืน” ภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้นำร่องจัดโครงการ “ไทยประกันชีวิต เสริมโอกาส สุขยั่งยืน” นำความชำนาญด้านการสื่อสารการตลาดและการบริหารจัดการทางการเงิน ไปถ่ายทอดให้กับ “วิสาหกิจชุมชน” จ.เชียงราย เป็นแห่งแรกในปี 2562 บริษัทฯ ได้ค้นพบว่า แนวทางการพัฒนาความรู้และทักษะแบบ “สอนให้ทำ นำไปใช้ได้จริง” ด้วยการให้ความรู้ที่เข้มข้นทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ รวมทั้งการติดตามให้คำปรึกษาอย่างจริงจังนั้น สามารถสร้างประโยชน์ให้กับวิสาหกิจชุมชนได้จริง ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้นำมาเป็นต้นแบบพัฒนาหลักสูตรการอบรมให้ตอบโจทย์วิสาหกิจชุมชนยิ่งขึ้นในปี 2563 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เป้าหมายการดำเนินงาน เพื่อขยายขอบเขตพื้นที่การดำเนินโครงการให้กว้างขึ้น สู่พื้นที่ใหม่ “หัวใจแดนอีสาน” ให้กับวิสาหกิจชุมชนที่ผลิตสินค้า บริการด้านสุขภาพ หรือใช้กระบวนการผลิตที่ดีต่สุขภาพ ในเขตจังหวัดมหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และสุรินทร์ เพื่อกระจายโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนสู่ชุมชนท้องถิ่นไทย พัฒนาทักษะองค์ความรู้ด้านการตลาด การสื่อสาร การวางแผนทางการเงิน ให้วิสาหกิจชุมชนสามารถต่อยอด สร้างรายได้ให้ตัวเอง ครอบครัว และชุมชน เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยใช้ความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ ในด้านการบริหารจัดการทางการเงินผสานองค์ความรู้ด้านการตลาดและการสื่อสารจากวิทยากรภายนอก ผลักดันให้บริษัทฯ และชุมชนสามารถก้าวไปพร้อมกันได้อย่างมั่นคงเข้มแข็งและยั่งยืน รูปแบบการดำเนินงาน • จัดกิจกรรมอบรมถ่ายทอดความรู้ ภายใต้แนวคิด “สอนให้ทำนำไปใช้ได้จริง” ที่เน้นให้ความรู้ทางทฤษฎีและให้ปฏิบัติจริงโดยวิทยากรมืออาชีพ แก่ตัวแทนวิสาหกิจชุมชน ทั้งด้านการสร้างจุดยืนของผลิตภัณฑ์ การสื่อสารการตลาดที่โดนใจผ่านสื่อออนไลน์ด้วยเทคนิคการถ่ายภาพจากกล้องมือถือ และการเล่าเรื่องเพื่อดึงดูดความสนใจผู้ซื้อ การคิดต้นทุน การบริหารรายรับ-รายจ่าย และการวางแผนการบริหารจัดทางการเงิน

ผลการดำเนินงาน • มีเยาวชนได้รับคัดเลือกรับทุนจากโครงการ จำนวน 67 คน ในประเภทกีฬาฟุตบอล เทนนิส บาสเก็ตบอล ฟันดาบ ไตรกีฬา สกี สโนว์บอร์ด จากงานคัดตัว Sports Showcase และช่องทางออนไลน์ มูลค่าทุนรวม 236,688,160 บาท • มอบทุนการศึกษาเพิ่มเติมให้เยาวชนที่ได้รับตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมจากงานคัดตัว Sports Showcase จำนวน 4 คน ทุนละ 151,250 บาท รวม 605,000 บาท 3. กิจกรรมพัฒนาทักษะกำลังพลและครอบครัวทหาร “เสริมความรู้ เพิ่มทักษะ เติมความสุข” ด้วยความมุ่งมั่นที่จะดูแลบุคลากรทหารและครอบครัวอย่างยั่งยืน นอกเหนือจากการมอบความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันชีวิตทหารมากว่า 34 ปี ในปี 2563 บริษัทฯ ได้ร่วมกับสมาคมแม่บ้านทหารบกดำเนินโครงการ “เสริมความรู้ เพิ่มทักษะ เติมความสุข” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2เพื่อจัดกิจกรรมอบรมหลักสูตรวิชาชีพ เสริมความรู้และทักษะการประกอบอาชีพเพิ่มรายได้ ตลอดจนการวางแผนบริหารจัดการทางการเงินให้แก่กำลังพลกองทัพบกที่ปลดพิการทุพพลภาพและครอบครัว ที่ได้รับทุนประกอบอาชีพเสริมตามมาตรา 35 อันเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีสร้างคุณค่าร่วมสู่สังคมที่ยั่งยืนต่อไป เป้าหมายการดำเนินงาน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของบริษัทฯ สู่การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนไปยังครอบครัวกำลังพลที่ได้รับการสนับสนุนทุนประกอบอาชีพเสริมรายได้จากมาตรา 35 และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพบก สมาคมแม่บ้านทหารบกและบริษัทฯ ในฐานะองค์กรที่ดูแลการประกันชีวิตทหารมาอย่างยาวนาน รูปแบบการดำเนินงาน จัดกิจกรรมอบรม เสริมความรู้ ทักษะ ความเข้าใจ ในการบริหารจัดทำโครงการประกอบอาชีพอิสระเพิ่มรายได้ แก่กำลังพลกองทัพบกที่ปลดพิการทุพพลภาพและครอบครัว โดยคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในพื้นที่ อาทิ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พร้อมด้วยวิทยากรบรรยายความรู้การวางแผนและบริหารจัดการทางการเงินโดยบริษัทฯ ผลการดำเนินงาน จัดกิจกรรมบรรยาย เสริมความรู้ เพิ่มทักษะ เพื่อสนับสนุนการประกอบอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ แก่กำลังพลกองทัพบกที่ปลดพิการทุพพลภาพและครอบครัว สมาชิกแม่บ้านทหารบก / หน่วยขึ้นตรงทหารบก / ครอบครัวกำลังพลกองทัพ สังกัดกองทัพภาคที่ 2 จ.อุดรธานี กองทัพภาคที่ 3 จ.เชียงใหม่ และกองทัพภาคที่ 4 จ.สงขลา รวมจำนวน 631 คน

ผลการดำเนินงาน ไทยประกันชีวิตจิตอาสาลงพื้นที่ประสบอุทกภัย Big Cleaning ทำความสะอาดบ้านเรือนประชาชน ณ อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน โดยร่วมกับมณฑลทหารบกที่ 38 และ กองพันทหารม้าที่ 10 ค่ายสุริยพงษ์ รวมทั้งได้ร่วมกับมูลนิธิหนึ่งคนให้ หลายคนรับ ลงพื้นที่อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช มอบถุงยังชีพ จำนวน 420 ถุงพร้อมมอบอุปกรณ์ทำความสะอาด Big Cleaning หลังน้ำลด นอกเหนือจากภัยพิบัติธรรมชาติแล้ว จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 บริษัทฯ ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งแบ่งปันและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ได้รับผลกระทบผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ • ร่วมกับมูลนิธิหนึ่งคนให้ หลายคนรับ ได้สนับสนุนการจัดตั้งโรงทานโดยบริจาคข้าวสาร จำนวน 9,200 กิโลกรัม และน้ำดื่ม จำนวน 18,000 ขวด รวมงบประมาณทั้งสิ้น 324,500 บาท ผ่านโครงการพระดำริ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชฯ จำนวน 8 แห่ง ได้แก่ วัดลาดพร้าว วัดลาดปลาเค้า วัดเสมียนนารี วัดบัวขวัญ วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ วัดจากแดง วัดอาวุธวิกสิตาราม และวัดไร่ขิงนอกจากนี้ยังบริจาคให้แก่ วัดธาตุทอง พระอารามหลวง และ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก • ดำเนินการตั้ง “ตู้ปันน้ำใจ” ณ อาคาร สำนักงานใหญ่ สาขารัตนาธิเบศร์ และเชิญชวนให้ผู้บริหารฝ่ายขายจัดทำตู้ปันน้ำใจ บริเวณหน้าสาขาไทยประกันชีวิตทั่วประเทศ • เชิญชวนไทยประกันชีวิตจิตอาสาร่วมกันเย็บหน้ากากผ้าจากผ้าจีวรเหลือใช้ นำไปถวายแด่พระสงฆ์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก รวมทั้งวัดในพื้นที่ใกล้เคียงในจังหวัด กว่า 1,800 ชิ้น ในช่วงที่ขาดแคลนหน้ากากอนามัย 2) บริจาคผ้าห่ม “ปันไออุ่น ต้านภัยหนาว” เป้าหมายการดำเนินงาน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและมอบการดูแลให้กับผู้ประสบภัยหนาวเป็นประจำทุกปี ในฐานะบริษัทประกันชีวิตที่ดูแล ห่วงใย และไม่ทอดทิ้งสังคม โดยช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว รูปแบบการดำเนินงาน มอบผ้าห่มให้แก่ผู้ยากไร้ที่ประสบภัยหนาวภายใต้โครงการ “ปันไออุ่น ต้านภัยหนาว” ผ่านองค์กรสาธารณกุศล สื่อมวลชน และหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยประสานความร่วมมือกับไทยประกันชีวิตจิตอาสาในพื้นที่ที่ประสบภัยหนาวนำผ้าห่มไปบริจาคให้ผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ อ.พบพระ อ.แม่สอด จ.ตาก ผลการดำเนินงาน บริจาคผ้าห่มกันหนาวให้ผู้ประสบภัยหนาวผ่านสำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ สภากาชาดไทย จำนวน 1,000 ผืน อีกทั้งทีมงานฝ่ายขายไทยประกันชีวิตจิตอาสา ร่วมออกบูทให้บริการเครื่องดื่มแก่ผู้เข้าร่วมงานและชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ 8. บริจาคให้มูลนิธิหนึ่งคนให้ หลายคนรับ บริษัทฯ มีนโยบายการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมที่มุ่งเน้นสนองต่อแผนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในมิติสร้างหลักประกันและส่งเสริมคุณภาพชีวิต สุขภาวะในการดำรงชีพ และความเป็นอยู่ที่ดีของคนทุกเพศทุกวัยในสังคม (Good Health and Well-Being) และมิติการร่วมมือเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกลไกการดำเนินงานกับองค์กรที่มีหลักธรรมาภิบาลในการช่วยเหลือสังคมเช่นเดียวกันผ่านกิจกรรรมระดมทุน เป้าหมายการดำเนินงาน เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ผ่านการสนับสนุนภารกิจหรือกิจกรรมรณรงค์เงินบริจาคเพื่อจัดหารายได้สมทบกองทุนผู้ด้อยโอกาสเด็ก สตรี และผู้สูงวัยผ่านมูลนิธิหรือองค์กรการกุศลต่างๆ รูปแบบการดำเนินงาน จัดกิจกรรรมระดมทุน ได้แก่ • กิจกรรม Thai Life’s Sharing Day X World Heart Day 2020 เชิญชวนพันธมิตร CSR บริษัทในกลุ่มไทยประกันชีวิต และสายงานการแพทย์ประกันชีวิต กลุ่มธุรกิจพันธมิตร มาร่วมออกร้านค้าจำหน่ายสินค้าต่างๆ พร้อมทั้งการแสดงดนตรีจากวงดนตรีจิตอาสา ของพนักงานจิตอาสาบริษัทฯ รณรงค์เงินบริจาคนำไปสมทบกองทุนเพื่อชีวิตใหม่หัวใจเด็ก มูลนิธิหนึ่งคนให้ หลายคนรับ • กิจกรรมรณรงค์เงินบริจาค ผ่านกิจกรรมประจำปีอื่นๆ ของบริษัทฯ อาทิ งานประชุมใหญ่ประจำปี

รางวัลเกียรติยศ ปี 2563 รางวัลด้านองค์กร 1. รางวัล “บริษัทประกันชีวิตที่มีการบริหารงานดีเด่น อันดับ 1” ประจำปี 2562 จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) 2. รางวัล Brand of the Year ประจำปี 2020 - 2021 จาก World Branding Forum ประเทศอังกฤษ 3. รางวัล Best Life Insurance Company 2020, Thailand จาก World Finance Magazine ประเทศอังกฤษ 4. รางวัล Grand Stevie Awards winners 2020, จากสถาบัน International Business Awards 2020 (Stevie Awards) ประเทศสหรัฐอเมริกา 5. รางวัล No.1 Brand Thailand Awards 2019 –2020 หรือแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ในหมวดธุรกิจประกันชีวิต จากการสำรวจความคิดเห็น ผู้บริโภคไทย โดยนิตยสาร Marketeer ร่วมกับ Kadence International (Thailand) 6. รางวัลองค์กรที่รับมือสถานการณ์ COVID-19 ยอดเยี่ยม ระดับ Silver จากสถาบัน International Business Awards 2020 (Stevie Awards) ประเทศสหรัฐอเมริกา 7. รางวัลแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและเป็นแบรนด์ที่เหมาะสมกับสมาชิก กบข. มากที่สุด จากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) 8. รางวัลองค์กรที่พัฒนานวัตกรรมเพื่อรองรับในสถานการณ์ COVID-19 ยอดเยี่ยม ระดับ Silver จากสถาบัน International Business Awards 2020 (Stevie Awards) ประเทศสหรัฐอเมริกา 9. รางวัลองค์กรที่มีการพัฒนาสินค้าเพื่อรองรับในสถานการณ์ COVID-19 ยอดเยี่ยม ระดับ Silver จากสถาบัน International Business Awards 2020 (Stevie Awards) ประเทศสหรัฐอเมริกา 10. รางวัลองค์กรตัวอย่างในสถานการณ์ COVID-19 ยอดเยี่ยม ระดับ Bronze จากสถาบัน International Business Awards 2020 (Stevie Awards) ประเทศสหรัฐอเมริกา รางวัลด้านโฆษณา / สื่อประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมทางการตลาด 1. รางวัล Live Event Awards ประจำปี 2020 ระดับ Gold หมวด Arts, Entertainment & Public จากโครงการคาราวานไทยประกันชีวิต “ให้รักเป็นทุกคำตอบของชีวิต” จากสถาบัน International Business Awards 2020 (Stevie Awards) ประเทศสหรัฐอเมริกา 2. รางวัล Live Event Awards ประจำปี 2020 ระดับ Gold หมวด Arts, Entertainment & Public โครงการ MRT Street Arts จากสถาบัน International Business Awards 2020 (Stevie Awards) ประเทศสหรัฐอเมริกา 3. รางวัลองค์กรที่เปิดโอกาสให้สังคมได้มีส่วนร่วม ประจำปี 2020 ระดับ Gold จากโครงการ VDO Life Event on Facebook จากสถาบัน International Business Awards 2020 (Stevie Awards) ประเทศสหรัฐอเมริกา 4. รางวัล Viral Marketing Campaign of the Year 2020 ระดับ Gold จากแคมเปญ Pride Month จากสถาบัน International Business Awards 2020 (Stevie Awards) ประเทศสหรัฐอเมริกา รางวัลด้าน CSR 1. รางวัล Asia Responsible Entrepreneurship Awards 2563 หมวด Investment in People (AREA 2020) จากโครงการไทยประกันชีวิต เสริมโอกาส สุขยั่งยืน จากสถาบัน Enterprise Asia ประเทศสิงคโปร์ 2. รางวัล CSR Initiative of the Year 2020 - Thailand จากโครงการ ไทยประกันชีวิต เสริมโอกาส สุขยั่งยืน ในการประกวดรางวัล Insurance Asia Awards 2020 จากนิตยสาร Insurance Asia Magazine ประเทศสิงคโปร์ 3. รางวัลโครงการด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมแห่งปี 2020 (ในเอเชีย, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์) ระดับ Gold จากโครงการ Bottle Better จากสถาบัน International Business Awards 2020 (Stevie Awards) ประเทศสหรัฐอเมริกา

กลุ่มโรงแรม โรงแรมโนโวเทล ระยอง ริมเพ รีสอร์ท 4/5, 4/48 หมู่ 3 ถ.เพ-แกลง-กร่ำ ต.ชากพง อ.แกลง จ.ระยอง 21190 โทรศัพท์ 0 3301 0100 โทรสาร 0 3301 0111 เว็บไซต์ www.novotelrayong.com โรงแรมโนวา สมุย รีสอร์ท 147/3 หมู่ 2 ถนนหาดเฉวง ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี 84320 โทรศัพท์ 0 7796 2555 -3 โทรสาร 0 7796 2525 เว็บไซต์ www.novasamui.com กลุ่มอะพาร์ตเมนต์ เจริญใจ เพลส 43 ซอยเจริญใจ (เอกมัย 12) ถ.เอกมัย แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์ 0 2713 3050 - 3 โทรสาร 0 2713 3054 ซี-วัน แมนชั่น 414 ซอยเกษมสุวรรณ (สุขุมวิท 50) ถ.สุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์ 0 2332 8250 - 3 โทรสาร 0 2332 8258 บดินทร์ เพลส 391 ซอยลาดพร้าว 94 (ปัญจมิตร) ถ.ลาดพร้าว แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310 โทรศัพท์ 0 2934 7820 - 5 โทรสาร 0 2934 7826 บ้านไทย ศรีนครินทร์ 11 ซอยหมู่บ้านเสรีวิลล่า แยก 1 ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250 โทรศัพท์ 0 2185 6033 โทรสาร 0 2185 6032 บ้านไทย รัชดา 1500 ซ.ชานเมือง ถ.รัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม.10400 โทรศัพท์ 0 2354 2523 บ้านไทยนครปฐม จ.นครปฐม 322, 324 ถ.ราชมรรคา ต.สนามจันทร์ อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม 73000 โทรศัพท์ 0 3427 3222, 0 3427 5222 โทรสาร 0 3427 3432 ประธม เพลส จ.นครปฐม 404/1 ถ.เทศา ต.พระประโทน อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม 73000 โทรศัพท์ 0 3427 0022 โทรสาร 0 3427 0033 ทวาเพลส จ.นครปฐม 453/1, 453/2 ถ.เทศา ต.พระประโทน อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม 73000 โทรศัพท์ 0 3490 0952 โทรสาร 0 3490 0953 เชิงดอยเพลส จ.เชียงใหม่ 9, 9/1 หมู่ 14 ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 50200 โทรศัพท์ 0 5328 0121 - 6 โทรสาร 0 5328 0127 บ้านไทยเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 34, 36 ถ.นิมมานเหมินทร์ ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 50000 โทรศัพท์ 0 5322 7227 โทรสาร 0 5322 7030 บ้านไทยอุบล จ.อุบลราชธานี 287/23, 289 ถ.หลวง ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี 34000 โทรศัพท์ 0 4524 4933 โทรสาร 0 4524 2445

Message form the chairman 2020 was a challenging year for the life insurance business due to the various crises that profoundly affected the economic situation nationally and globally, from the COVID-19 epidemic,trade wars, record-low interest rates and technological changes. Moreover, domestic factors such as the political unrest, the structural aging of the population and adapting to new lifestyles in the digital consumer age are all issues that caused the Thai economy to slow down continuously. This slow down included the Thai life insurance industry in 2020, where the premiums received and the system showed a negative 2 percent growth rate. Despite encountering many threat factors, Thai Life Insurance has been able to transform the crisis into opportunities, gaining from the Thai Life Insurance business that values all sectors included the insured, shareholders, employees and society in general based on caring and sharing. The company therefore modified its business by aiming to enhance personnel potential skills by applying technology to develop product innovations and services to be faster, more convenient and consistent with the lifestyle of consumers. These actions will help the company transform our operations with new technologies more effectively. The readiness to overcome the crises and the strength in cooperation of personnel at all levels to deliver the creation of good health and value to the insured resulted in the company being able to maintain stable business growth. The total premium income was 91,269 million baht, separated into the first year premium amounting to 15,288 million baht and the following year premium of 70,850million baht. It reflected the continuous confidence and faith of our customers coupled with stability and financial strength with assets of 493,568 million baht and insurance reserves of 375,013 million baht. In these regards, the company has been rated for financial strength by Fitch Ratings – National Insurer Financial Strength Agengy - rated AAA, the highest level of financial credit in Thailand. In addition to a commitment to develop organizational efficiency to be the answer to life, the company also conducts its business professionally based on honesty and good governance by sharing part of the profits back to society through various public projects. The company initiated projects to take care of the lives of every groups of Thais, such as a life insurance program for all 3 branches of the armed forces or the White Shirt Fighter Project to fight against COVID-19 by providing life insurance protection to medical personnel nationwide who treat patients infected with COVID-19. At the same time, the company also expanded the model of public benefit activities in order to create shared values between the company and society, such as the Thai Life Insurance Project for Sustainable Happiness Opportunities, which is a project aimed at developing potential and enhancing knowledge of community enterprises nationwide, which are the main economic foundations of the country. In order to improve the quality of life and promote community enterprises to live stronger, these are all of the company's important commitments in creating confidence and faith among the insured, shareholders, and personnel including people in society at large. Hence, the company remains an inspiring organization that inspires all lives coupled with stable growth alongside Thai society. Mr. Vanich Chaiyawan Chairman

Life insurance industry in 2020 In 2020, the overall Thai life insurance industry contracted compared to the previous year, mainly due to the COVID-19 pandemic which affected the country’s economic growth. Total premiums stood at Baht 600,206.48 million, declining 1.75 percent compared to 2019. First year premiums totaled Baht 101,871.23 million, falling 6.41 percent, and single premiums totaled Baht 56,467.57 million, decreasing 19.04 percent (Source: Thai Life Assurance Association 17 February 2021). Even though total premiums of the Thai life insurance industry declined, it was less than the drop in GDP, which contracted 6.1% in 2020. This was attributable to increasing health consciousness of the Thai people due to the COVID-19 pandemic and the government measure to promote health insurance with the increase in the tax deduction of health insurance premiums to Baht 25,000. As a result, health insurance and critical illness (CI) insurance grew 6.1 and 13.59 percent, respectively, compared to 2019 (Source: Thai Life Assurance Association 17 February 2021). Low interest rates and volatile returns from investment also prompted consumers to diversify their savings to other financial instruments. Moreover, the Office of Insurance Commission (OIC) launched relief measures to assist the business sector, policyholders, insurance representatives and agents, including deferring of insurance premium payments; the method of offering for sale and issuing of insurance policies; and the conduct of agents, brokers, and banks during the COVID-19 pandemic (Digital Face-to-Face Measures). With regard to distribution channels in 2020, first year premiums by sales agents decreased 17 percent as sales agents mainly sell through face-to-face meetings, which was directly affected by the COVID-19 pandemic. Meanwhile, first year premiums by bancassurance increased 10.6 percent from selling savings insurance products before the products were adjusted in line with the current investment situation. Sales through direct marketing did not receive much impact from the COVID-19 situation as it is mostly done through telemarketing and online, which is convenient and corresponds with the lifestyle of consumers today. As a result, sales through direct marketing increased 3.3 percent in 2020. Life Insurance Outlook 2021 According to the Thai Life Assurance Association, even though the Thai life insurance industry will experience economic effects continuing from 2020 and challenges from many fronts, there are positive factors that will contribute to the industry’s growth in 2021. The Thai Life Assurance Association expects total premiums in 2021 to be around Baht 590,000 – 610,000 million, a growth of -1 to +1 percent, with a persistency rate of 81 – 82 percent. Positive factors include containment of the COVID-19 pandemic and the rollout of the vaccination program in 2021. The overall Thai economy is also on a recovering trend as a result of government economic stimulus measures, easing of COVID-19 restrictions, and improvement of the income base of consumers. In addition, the COVID-19 pandemic made consumers aware of the importance of insurance plans to prepare for uncertainty in life that may arise in the future. In 2021, the life insurance industry will focus on development of products, channels to expand markets, work processes and service processes in order to be able to reach and respond to the demands of every target group. Life insurance companies are more focused on developing health insurance products such as critical illness (CI) insurance, health insurance with lump sum coverage, and health insurance with high lump sum coverage to answer to worries over high medical expenses and access to quality health services. In addition, life insurance companies are developing whole life insurance with high coverage to cater to investors, big business owners, and SME owners as an important risk management tool for business as well as an inheritance for family members. Amid low interest rates, life insurance companies are developing various savings insurance products such as universal life & unit-linked products and participating products as an alternative for customers to receive insurance coverage as well as higher returns. With regards to distribution channels of the business in 2021, sales agents will be developed to augment their knowledge and skills in various areas as well as their understanding of the fast changing consumer behavior. Bancassurance will focus on selling a variety of savings products including universal life & unit-linked products in line with the trend to diversify savings to other financial products that provide higher returns. Meanwhile, e-commerce will continue to be developed in 2021 to further assist sales through direct marketing. In terms of services, online systems such as E-Policy, E-Payment, E-Claim and E-Service have been developed to make the selling process and after-sales service more convenient, responding to the needs of today’s digital society. The online systems provide big data which further companies’ understanding of consumer behavior and needs, enabling companies to develop products to better satisfy the demands of customers and further expand the market.

Risk Management The Company considers enterprise risk management as fundamental to sound management practices and an important aspect of corporate governance. Effective management of risk can contribute significantly towards the achievement of the Company’s strategic and operational objectives. The Company is committed to promote risk culture within the organization as it is one key factor in driving effective risk management. The company also developed a robust risk management system which involved the full control cycle of identifying, measuring, evaluating, managing, monitoring and reporting risks as observed. The company will provide the management and staff with guidance (through a cohesive system, manual and training program) on the principles of risk management and create awareness and ownership to them to be responsible in managing the risks within their area of expertise. On top of all these, we also constantly monitor and review the enterprise risk management program to ensure the effectiveness and its benefit to all stakeholders from different perspectives. As a part of training, workshops have been set up with the overall objective of reinforcing creation and embedding of a risk management culture within the organization and ensuring that they can perform risk management as part of their daily work in accordance with risk management framework and policy. The Company’s risk strategy takes into account the interests of both shareholders and policyholders. We manage our life insurance products to ensure, with a degree of certainty, the ability to meet future liabilities to customers, other concerned debts, and the return on capital objectives and shareholder expectations including developed a strategic and operational risk management system which follows the Australia and New Zealand Risk Management Standard (AS/NZS 4360), and adjusted as required to meet its specific needs. It provides a robust methodology for risk identification, discussion and an appropriate treatment to reduce the risk. In addition, business resilience represents the ability of organizations to rapidly adapt and respond to all types of risk and it is more critical during periods of unexpected events. Hence, we giving greater importance to the Business Continuity Management to ensure that the Company can, in the event of a disaster or crisis, respond and protect the benefit of stakeholder, reputation, image and value creation activities. The Company initiated the program on BCMs and was fully tested and operational since 2007 together with setting up the Recovery Executive Committee working group to set up the framework and continuity management system. Furthermore, a full- blown system recovery test program is conducted periodically to ensure continuity of services within 8 hours from the onset of a disaster. As the protection for benefit of relevant parties, image, brand and value creation activities as well as to ensure appropriate service can be delivered in the event of occurrence of an incident. Risk Management Committee meets at least 4 times a year and is responsible for the Company’s risk oversight. This Committee articulates the risk management policy as well as risk appetite statement for all the priority areas such as Insurance Product, Investment, Mortality Risk and Risk-Based Capital on a periodic basis to ensure the smooth implementation of the ERM system in the company. The Board of Directors receives periodic update of risk management on a quarterly basis. Working groups have been set up for each risk, such as Reinsurance Working Group, Asset Liability Management Working Group, Recovery Executive committee Working Group, and Operational Risk Working Group, in order to follow up and continually improve risk management within the Company. In 2020, Reinsurance Risk Management committee has reviewed and successfully negotiated the insurance business. The company has selected the reinsurance companies with high credit rating to strengthen our competitive strategy which is aligned with our risk appetite. Furthermore, the company has collaborated with reinsurance companies to develop products which will allow company for establishing an innovation to satisfy the customer needs and increase competitiveness in the insurance business nowadays. As of 30th September 2020, the Company’s CAR under RBC2 was 372%, far exceeding the minimum requirement specified by OIC and very healthy compared to other top local peers. Furthermore, the OIC’s requirements regarding the impact on the company’s financial position under stress scenarios are as follows: 1) OIC’s prescribed scenarios • In December 2019, the OIC has conducted Stress Testing of year 2020 under the OIC’s prescribed scenarios with the industry. The result shows that the Company’s CAR ratios as at the end of year 2020 and year 2021 in every scenario are greater than the OIC’s minimum CAR of 120%. • In January 2020, the OIC has instructed the industry to perform the Stress Testing under Covid-19 pandemic scenario. The results show that the Company’s CAR ratio as at the end of year 2020 is greater than the OIC’s minimum CAR of 120%. 2) Company’s scenarios under Enterprise Risk Management and Own Risk and Solvency Assessment (ERM/ORSA) 2020 • In 2020, the company has determined the scenarios for macroeconomics, financial crisis, pandemic, reverse stress test, and self-select scenarios, where the results are being assessed and analyzed by the company.Furthermore, the Company will conduct an internal stress test on an annual basis to ensure that the Company’s capital position is well monitored and sufficient under a stressed scenario. In order to enhance the Company’s capabilities in managing and accessing the risks of assets and liabilities simultaneously, and to encounter any new OIC’s regulations, the company continues developing and enhancing our internal capital model which is capable of projecting the CAR under various scenarios and performing the assessment of the robustness of the capital position in terms of sensitivity analysis and stress testing, and evaluation of the effectiveness of each Strategic Asset Allocation.

Corporate Social Responsibility Activities Prosper Strategy: Social Responsibility Social responsibility runs parallel with the prosperity strategy that focused on economic growth while contributing to social and environmental development by raising the operational level to sustainable excellence in all dimensions of economy, society and environment. As a life insurance provider, Thai Life Insurance has continually been involved with social responsibility initiatives while moving forward in implementing Sustainable Development Goals (SDGs) activities in all 6 categories: poverty eradication, hunger eradication, health, gender equality, economy and employment and climate change. Throughout 2020, the company has implemented social responsibility activities that lead to sustainable community management (Social Dimension) under the three social responsibility master plans: giving, caring and enriching life values. Being ready to focus on Creating Shared Value (CSV) to improve the quality of lives of the people in society coupled with creating a competitive advantage in the business in order to create sustainability for both society and company, and moreover focusing on the activities which are consistent with the strategy of Prosperity in 3 dimensions, namely. Management for Sustainability Excellence (Economic Dimension) 2019, the company was the first company in the Thai life insurance business that invested in the manner of ESG Investment: Environment, Social Responsibility and Corporate Governance. The investment was equity investment that were considered from 3R factors, including risk, return, and consideration of the company’s impact on social or environmental development (Real Impact) which is in line with the UN’s Sustainable Development Goals concept, and with the said investment policy, it was discovered that in 2020 this fund was less affected than other funds due to the epidemic. Therefore, the company increased its net investment in this fund from Baht 100,000,000 to Baht 200,0000,000 as of 31 December 2020. Sustainable Community Management (Social Dimension) The company believes that, “if society can survive, the organization can as well” and therefore strives to raise the quality of life in society to be more equal through Creating Shared Value (CSV) by creating shared value between the organization and society. We support the necessary resources, including the company’s expertise, in a drive for sustainable changes in the community, ready to create benefits for the communities themselves and the country through the projects and activities of the company as follows. Community Enterprise Skills Development Project “Thai Life Insurance - Opportunity for the better life”. The company’s project “Thai Life Insurance - Opportunities for a better life” brought expertise in marketing communications and financial management to convey to Community Enterprises in Chiang Rai province in 2019. The company discovered that the approach to developing knowledge and skills is “teach to do and apply” by providing intense knowledge in both theory and practices including following-up on the advice, it can actually benefit community enterprises. The company has been using this model for developing training courses to provide Community Enterprises with better solutions in 2020 for the second consecutive year. The operational goals Expanded the scope of the project into the North-eastern heart of Thailand for community enterprises that produce health services products or use healthy manufacturing processes in Maha Sarakham, Roi Et, Kalasin and Surin by spreading sustainable growth opportunities to Thai local communities, develop knowledge skills in marketing communication and financial planning. This helped Community Enterprises increase income for themselves, their families and communities for a better quality of life by using the expertise of the company specifically in the area of financial management combined marketing knowledge and communications from guest speakers. The result helped push the company and communities towards more stable, stronger and sustainable growth. Operation model • To transfer knowledge and training program under the concept of “teach to do and be practical” that emphasized theoretical and practical knowledge by professional speakers for Community Enterprise representatives both in building a product standpoint, positive marketing communications through online media with photography techniques by mobile camera, and storytelling to attract buyers’ attention including costing, revenue-expenditure management and financial management planning.

Children with Congenital Heart Diseases Project “One for lives, a new life for the child's heart” here are around 800,000 Thai newborns a year, of which an average of 8,000 children with congenital heart diseases per year, and 4,000 of them needing special heart surgery. The treatment cost is as high as Baht 200,000 per child. The Company therefore committed to implementing the “One for lives, a new life for the child’s heart” project to help those children with congenital heart diseases who lack the opportunity to get treatments to let them live their lives like normal children and grow-up as a complete part of their family. Operation goals Campaign for donations while raising awareness among personnel both, internal and outside, the value the others’ lives by “giving” through donations to aid the operation of children with congenital heart disease. Operation model Organized a fundraising activity to help children with congenital heart diseases in the project “One for lives, a new life for the child’s heart” via online and on-ground as follows: Thai Life’s Sharing Day x World Heart Day 2020 - the activity initiated to invite those who were born in September to do merit making on World Heart Day (29 September). The Twitter World Heart Day 2020 Campaign which 1 Like = Baht 1 that the company donated via Facebook Live Charity activity, another activity is selling second hand clothes by Thai Life Insurance volunteers. In addition, we also collaborated with partners to organize charity activities, including organizing a Mobile Pop-up Exhibition, open to donations with Samitivej Hospital, Virtual Charity Run with ThaiRun, and launching a concert booth with GMM Grammy. Performance Raised a total of Baht 1,094,138 for children with cardiovascular surgery, which the company donated through the “One for Lives foundation” to the New Life Foundation of Samitivej Srinakarin Hospital in the amount of Baht 1,000,000 to help 5 child patients with heart disease those who lacked the opportunity for treatment. Environmental Management (Environmental Dimension) Thai Life Insurance realized the importance of taking care of the environment by tackling a large amount of plastic waste that has become an increasingly important environmental issue that and a global problem. The Company reformed waste management processes to help reduce global warming under the concept of invisible waste for the Ratchada community by creating a balanced environment by initiating “Thai Life Insurance Green Project”. Merit Trashing (Recycle) Operation goal To reinforce the creation of a consciousness of “saving the world” for Thai Life Insurance personnel and to teach them how to sort plastic waste properly and to forward to the responsible agency directly for Upcycling, Recycling and Re-using plastic waste, causing the waste value to rise again. Operation model To organize the “Merit Trashing” activity by collecting and sorting cups, water bottles, plastic materials from Thai Life Insurance personnel according to the service points provided and donated to Wat Chak Daeng. This is a prototype program for the sorting of “plastic waste”, worthless items that have been thrown away to be transformed to have a price with modern technology, resulting in reusable products that can be repeatedly rescued. Moreover, we also organized an exhibition to summarize the activities “Thai Life Insurance protects the world” throughout 2020. Performance Donated 1,300 kilograms of plastic waste to Wat Chak Daeng. Calendar For Life (Re-use) Campaign Operation goal To stimulate the awareness of “giving” among company’s personnel by donating old those unused calendars to give to the Educational Technology Center for the Blind in Nonthaburi Province. Operation model To campaign for donating old calendars from company personnel in order to donate to the Technology Center for the Blind. The goods are used to generate income for the continual purchase, and publication of, Braille books used for education by the visually impaired people in schools for the blind nationwide. Performance Received a total 1,800 kilograms of old calendars, totaling 4,105 kilograms donated over 4 consecutive years. In 2020, the Bottle Better campaign, also received a Gold award in the category of Health, Safety & Environment Program of the year. (in Asia, Australia and New Zealand) from the Stevie® Awards. Because of our determination to be a part of economic growth, and involved in the betterment of society and the environment, the company has always focused on the implementation of social responsibility activities with a focus on activities related to sustainable community management (Social Dimension) and environmental management (Environmental Dimension). We cultivate awareness and create participation from the company’s personnel in all parties in initiating or participating in activities to help society in various fields throughout 2020.