ไทยประกันชีวิตเดินหน้าปรับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ ประกาศวิสัยทัศน์ “มุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน” ผ่าน 6 คุณค่าหลัก รองรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของธุรกิจ พร้อมขับเคลื่อนองค์กรในทุกด้าน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
นายไชย ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของไทยประกันชีวิตตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีวิวัฒนาการองค์กรมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับบริบทของการดำเนินธุรกิจ และปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยในปี 2560 บริษัทฯ ได้ประกาศวิสัยทัศน์มุ่งสู่การเป็นทุกคำตอบของชีวิต หรือ Life Solutions ด้วยการดำเนินธุรกิจในลักษณะ People Business คือให้ความสำคัญและดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ทุกภาคส่วน ผ่านการส่งมอบสุขภาพที่ดี ชีวิตที่มั่งคั่งมั่นคง และชีวิตที่ดีมีสุข
และในฐานะบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกของคนไทยที่ดูแลคนไทยมาจะครบ 80 ปี ในปี 2565 ไทยประกันชีวิตจึงได้กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ “มุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน (To be an Insurance Company of Sustainability)” พร้อมสู่การเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี รวมถึงพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม และเป็นทิศทางในการดำเนินธุรกิจในอีก 10 ปีข้างหน้า
สำหรับ Roadmap ของวิสัยทัศน์มุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน จะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ปี 2565-2569 เป็นช่วง Transforming Tomorrow การเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตที่ดีกว่า โดยบริษัทฯ มุ่งปรับกระบวนทัศน์ในการดำเนินธุรกิจทุกด้านเพื่อสร้างความพร้อมขององค์กร และปี 2570-2574 เป็นช่วง Sustainable Tomorrow คือการก้าวสู่อนาคตที่เข้มแข็งและยั่งยืน
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์สำคัญที่จะทำให้ไทยประกันชีวิตเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน จะถูกขับเคลื่อนบน 6 คุณค่าสำคัญ คือ สร้างคุณค่าในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยเป็นบริษัทฯ ที่ลูกค้าชื่นชม (Admired) สร้างคุณค่าคนในองค์กร เป็นองค์กรที่มีความห่วงใยพนักงาน (Caring) สร้างคุณค่าให้กับพันธมิตรหรือคู่ค้า โดยต้องเป็นบริษัทที่คู่ค้าเลือก (Preferred)
สร้างคุณค่าให้กับผู้ถือหุ้น ด้วยการเป็นองค์กรที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Return) สร้างคุณค่าให้กับสังคม โดยเป็นองค์กรที่รับผิดชอบและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม (Responsible Corporate Citizen) และสร้างคุณค่าให้กับหน่วยงานที่กำกับดูแล คือมุ่งดำเนินธุรกิจอย่างรัดกุม รอบคอบ โปร่งใส ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Prudent)
วิสัยทัศน์ใหม่ดังกล่าวมาจากการประยุกต์รากฐานที่แข็งแกร่งของไทยประกันชีวิตตลอดระยะเวลา 80 ปี ปรับให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทยและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป การดำเนินธุรกิจของไทยประกันชีวิตนับจากนี้ จึงเป็นมากกว่าการประกันชีวิต โดยต้องเป็นทุกคำตอบด้านการเงินส่วนบุคคลและการประกันชีวิต (Life & Financial Solutions Provider) ในทุกช่วงชีวิต (Life Stage) ทุกจังหวะชีวิต (Life Event) และทุกการใช้ชีวิต (Lifestyle) ของลูกค้า เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในรูปแบบเฉพาะบุคคล ผ่านการส่งมอบสุขภาพที่ดี ชีวิตที่ดี และความมั่นคงมั่งคั่งในบั้นปลายชีวิต
“การทำธุรกิจจากนี้ไปไม่ใช่เพียงแค่การมองเรื่อง Customer Centric หรือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง แต่ต้องเข้าถึง Customer at Heart คือดูแลลูกค้าด้วยหัวใจ ด้วยการสร้างจิตวิญญาณแห่งการบริการ หรือ Heart Made เสมือนการดูแลคนในครอบครัว และนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้เพิ่มขีดความสามารถให้กับตัวแทนฯ ในการดูแลและบริการลูกค้า หรือ Heart Tech เพื่อตอบสนองความต้องการแบบปัจเจกบุคคล ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และการบริการที่ตรงใจ” นายไชยกล่าว
ขณะเดียวกันเป้าหมายของแบรนด์ไทยประกันชีวิต หรือ Brand Purpose ยังคง “มุ่งสู่การเป็นแบรนด์ชั้นนำที่ได้รับความชื่นชม (Admired) และเป็นแรงบันดาลใจ (Inspired) ให้กับทุกคนในสังคม” เพื่อช่วยให้ภาพลักษณ์และทิศทางของแบรนด์สอดคล้อง และส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งขององค์กรและสังคม
นายไชยกล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งสำคัญอีกประการในการมุ่งสู่บริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน คือการสืบทอดและสืบสานวัฒนธรรมไทยประกันชีวิต ให้องค์กรและบุคลากรขับเคลื่อนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บนแก่นของความไว้ใจ ความใส่ใจ และความผูกพันซึ่งกันและกัน ผ่านการกำหนดค่านิยมหลัก (Core Values) เพื่อปรับเปลี่ยน Mindset ของคนในองค์กร ทั้งพนักงานสำนักงานใหญ่ สาขา และฝ่ายขาย โดยสร้างวัฒนธรรมการทำงานแบบ Data Driven, Agility และมี Innovation เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมการทำงานบนพื้นฐานความร่วมมือร่วมใจ และความผูกพัน ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพบนพื้นฐานความซื่อสัตย์สุจริต ตลอดจนการมีส่วนร่วมในการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม