นายไชย ไชยวรรณ กจญ.ไทยประกันชีวิต ประกาศยกเครื่องการดำเนินธุรกิจใหม่ทั้งหมด ผ่านการวิวัฒนาการ และเปลี่ยนผ่านวัฒนธรรมองค์กร ทั้งกระบวนการทำงานและความคิด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริหารความเสี่ยง การพัฒนาบุคลากร เทคโนโลยี และการสร้างคุณค่าร่วมกับสังคม ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและสังคมอย่างครบรอบด้าน
สำหรับการดำเนินธุรกิจใหม่ของไทยประกันชีวิต คือการสร้างให้เกิดนวัตกรรมแห่งชีวิต จากอดีตผู้เอาประกันจะได้รับเงินสินไหมทดแทนเมื่อเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ แต่โมเดลใหม่ปรับเปลี่ยนสู่การคุ้มครอง การเจ็บป่วยของลูกค้าเพื่อลดภาระค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายสู่การเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายขึ้น
โดยการพัฒนาแบบประกันในกลุ่ม Life Solutions Product หรือ “ไทยประกันชีวิต ฟิตรอบด้าน” เพื่อสร้างหลักประกันที่มั่นคง และวางแผนชีวิตให้ลูกค้าอย่างครบรอบด้านในทุกช่วงของชีวิต ประกอบด้วย 5 กลุ่มแบบประกัน ได้แก่ กลุ่ม Money Fit การวางแผนด้านการเงิน การออมเงินที่ได้ผลตอบแทนแน่นอน
กลุ่ม Legacy Fit การสร้างกองทุนมรดกเพื่อครอบครัว หรือการออมเพื่อการศึกษาบุตร กลุ่ม Life Fit การสร้างหลักประกันคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ เมื่อผู้เอาประกันดูแลสุขภาพดีจะมีส่วนลดเบี้ยประกันและกลุ่ม Health Fit การคุ้มครองสุขภาพและค่ารักษาพยาบาล สำหรับผู้ที่รักสุขภาพของตนเองและครอบครัว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังปรับเปลี่ยน Mindset ของบุคลากรให้สามารถวางแผนดูแลชีวิตให้กับลูกค้าอย่างครบรอบด้าน
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2561 มีเบี้ยประกันรับปีแรกช่วงเดือน ม.ค. – พ.ย. 2561 อยู่ที่ 13,786 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 7% ในขณะที่ธุรกิจประกันชีวิตเติบโต -10% เบี้ยประกันชำระครั้งเดียว 7,795 ล้านบาท อัตราการเติบโต 11% เบี้ยประกันปีต่อไป 54,094 ล้านบาท อัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ 83% และเบี้ยประกันรับรวม 75,675 ล้านบาท อัตราการเติบโต 4%
ขณะที่ปี 2562 บริษัทฯ ตั้งเป้าเบี้ยประกันรับปีแรก 19,000 ล้านบาท เติบโต 15% แบ่งเป็นช่องทางตัวแทน 13,000 ล้านบาท และช่องทาง Non-Agent 6,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีความมั่นคงและความแข็งแกร่งทางการเงินอย่างสูง โดยได้รับการจัดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินจากสถาบัน Fitch Ratings สถาบันจัดอันดับเครดิตทางการเงินระดับโลก โดยอันดับความแข็งแรงทางการเงินภายในประเทศ อยู่ที่ AAA ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในไทย และระดับสากลอยู่ที่ BBB+ แนวโน้มมีเสถียรภาพ เทียบเท่าพันธบัตรรัฐบาลไทยที่ออกขายในต่างประเทศ และได้รับการจัดอันดับเครดิตอยู่ในระดับสูงเช่นนี้ตลอดระยะเวลาเกือบ 15 ปี