ไทยประกันชีวิต

  • ข่าวประชาสัมพันธ์

ไทยประกันชีวิต โกยเบี้ยฯ รับรวม 5 เดือนแรก 34,606 ล้านบาท เติบโต 6%

17/07/2019

นายอังกูร ศรีกัลยาณบุตร รอง กจญ. และ Chief Marketing Officer ไทยประกันชีวิต เผย บริษัทฯ​ กำหนดคุณวุฒิบุคลากรฝ่ายขายออกเป็น 4 ระดับ ตามทักษะ คุณสมบัติ และการผลิตผลงานได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด 
ประกอบด้วย คุณวุฒิ Life Partner (LP) มีใบอนุญาตตัวแทนประกันชีวิต และผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่กำหนด คุณวุฒิ Life Partner Prime (LPP) เป็นผู้บริหารระดับหน่วยขึ้นไป ที่ผ่านการอบรมหลักสูตร Life Partner คุณวุฒิ Financial Partner (FP) ผู้บริหารระดับหน่วยขึ้นไป ผ่านการอบรมหลักสูตร LP และขึ้นทะเบียนเป็นผู้ขายแบบประกัน Universal Life และคุณวุฒิ Financial Partner Prime ผู้บริหารระดับหน่วยขึ้นไป ที่มีใบอนุญาต IC License เพื่อขายสินค้า Unit Linked และผ่านการอบรมหลักสูตรที่บริษัทฯ กำหนด 
    ด้านนายสวัสดิ์ นฤวรวงศ์ รอง กจญ. และ Chief Life Operation Officer เผย ผลประกอบการช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค. 2562) มีเบี้ยประกันรับปีแรก 5,981 ล้านบาท เบี้ยประกันรับปีต่อไป 24,624 ล้านบาท เบี้ยประกันชำระครั้งเดียว 4,001 ล้านบาท  และเบี้ยประกันรับรวม 34,606 ล้านบาท เติบโต 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561
    สำหรับแนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตในครึ่งปีหลัง ยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศ และผลกระทบจากเสถียรภาพทางการเมือง ส่งผลให้กำลังซื้อภายในประเทศชะลอตัว โดยเฉพาะผู้มีรายได้ประจำหรือกลุ่มเกษตรกร อย่างไรก็ตามคาดว่าธุรกิจประกันชีวิตในปี 2562 มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันรับรวมประมาณ 5% 
    ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ จะมุ่งขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากนัก คือ กลุ่มระดับบน และการพัฒนาแบบประกันใหม่ ตามแนวคิดทุกคำตอบของการประกันชีวิต เพื่อตอบความต้องการของลูกค้าอย่างครบรอบด้าน อาทิ แบบประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง แบบประกันเพื่อการวางแผนมรดก
รวมถึงการรีครูทตัวแทนใหม่ ทั้งในรูปแบบการรีครูทผ่านกิจกรรมต่างๆ และ Online Recruitment โดยสร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ เผยแพร่ผ่านสื่อ Online ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม รวมถึงจัดทำสปอตวิทยุ และ Banner Ad 
สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2562 บริษัทฯ ตั้งเป้าเบี้ยประกันรับปีแรกอยู่ที่ 19,000 ล้านบาท เติบโต 15% แบ่งเป็นช่องทางตัวแทน 13,000 ล้านบาท และช่องทางที่ไม่ใช่ตัวแทน 6,000 ล้านบาท