ผลการดําเนินงาน
บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ มุ่งสู่การเป็น “บริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน” รวมถึงการกำกับดูแลกิจการที่ดีภายใต้หลักบรรษัทภิบาล และการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อสร้างความสมดุลทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงถ่ายทอด และส่งเสริมให้บุคลากรมีส่วนร่วมในการส่งมอบคุณค่าให้กับผู้เอาประกันภัย ชุมชน และสังคม ซึ่งเป็นจิตวิญญาณและ ความเข้มแข็งของวัฒนธรรมองค์กรที่ไทยประกันชีวิตยึดมั่นมาโดยตลอดกว่า 80 ปีที่ผ่านมา
โดยผลการดำเนินงาน ของไทยประกันชีวิต ในปี 2565 ที่ผ่านมามีกำไรสุทธิจำนวน 9,265 ล้านบาท โดยมีปัจจัยที่สำคัญ ดังนี้
เบี้ยประกันภัยรับรวม 88,082 ล้านบาท ซึ่งลดลง 2.62% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากกรมธรรม์สะสมทรัพย์บางส่วนที่ครบระยะเวลา ชำระของเบี้ยประกันภัยรับและกรมธรรม์ที่ครบกำหนดสัญญา อย่างไรก็ตาม เบี้ยประกันภัยรับจากกรมธรรม์ใหม่ ซึ่งประกอบด้วย เบี้ยประกันภัยรับปีแรก และเบี้ยประกันภัยรับจ่ายครั้งเดียว มีจำนวน 18,899 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 1,197 ล้านบาท คิดเป็น 6.76% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ทั้งนี้ เบี้ยประกันภัยรับปีแรก เพิ่มขึ้นจำนวน 1,361 ล้านบาท คิดเป็น 13.25% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจใหม่ โดยลักษณะของอุตสาหกรรม การเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกันภัยรับใหม่ดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนในปีแรกสำหรับกรมธรรม์รายใหม่ทำให้กำไรลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
ฐานะทางการเงิน
บริษัทฯ มีเสถียรภาพและมีศักยภาพทางการเงิน โดยปี 2565 บริษัทฯ มีสินทรัพย์จำนวน 556,041 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 22,335 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4 และมีเงินสำรองประกันชีวิต 423,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 43,361 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.2
การลงทุน
บริษัทฯ มีการบริหารพอร์ตการลงทุุนที่ดีโดยการจัดสรรสินทรัพย์ทางการเงินเพื่อการลงทุุนด้วยความเชี่ยวชาญและระมัดระวังรอบคอบ ซึ่งพอร์ตการลงทุุนโดยหลักประกอบด้วย เงินลงทุุนในตราสารหนี้้ 81.77% ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ อีกทั้้ง บริษัทฯ ยังมีความหลากหลายของพอร์ต การลงทุุนที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตต่ำ และอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ใน "ระดับที่น่าลงทุุน (Investment grade)" ผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้นจำนวน 325 ล้านบาท คิดเป็น 1.74% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ปรับสูงขึ้น ประกอบกับการเติบโตของพอร์ตการลงทุนในตราสารหนี้ด้วยเงินที่ได้มาจากการระดมทุนขายหุ้น (IPO) รวมถึงเม็ดเงินที่ได้มาจากการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิต โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าวถูกหักกลบด้วยการลดลงของกำไรจากการขายเงินลงทุน